สารจากประธานกรรมการ

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์
ประธานกรรมการ
“ความภูมิใจของ PRIME ในปี 2567 คือ
เป็นครั้งแรกของบริษัทที่ได้ยกระดับรายงานธรรมภิบาล (CRG)
ขึ้นสู่ระดับ 5 ดาว และได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating
ระดับ BBB สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน“
ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.5 ตามข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะยังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความผันผวน สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 300 เมกะวัตต์ และมีรายได้รวม 1,345 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 79 จากปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในด้านการบริหารสภาพคล่อง บริษัทให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดตราสารหนี้ที่มีความท้าทาย โดยข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยระบุว่า ปี 2567 ภาพรวมตลาดเติบโตร้อยละ 3.6 โดยหลักมาจากตราสารหนี้ภาครัฐ ขณะที่การออกหุ้นกู้ภาคเอกชนลดลงร้อยละ 10 สะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนและความไม่แน่นอนในตลาดทุน จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการปรับทิศทางการบริหารสภาพคล่องของบริษัทและขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้หุ้นกู้ให้เหมาะสมกับสภาพคล่องของบริษัทและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจต่อไป โดยบริษัทมีแผนจัดสรรกระแสเงินสด ประกอบไปด้วย การพิจารณาจำหน่ายสินทรัพย์โครงการบางส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การหาผู้ร่วมทุน และกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินธุรกิจ
ตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทมีความภาคภูมิใจในความสำเร็จสำคัญ อาทิ การยกระดับการประเมินรายงานธรรมาภิบาล (CGR) จากระดับ 4 ดาว เป็น 5 ดาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลที่ดี นอกจากนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ในระดับ BBB ซึ่งตอกย้ำความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อันเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์องค์กร อีกทั้ง ยังช่วยสร้างความน่าสนใจให้บริษัทในสายตาของนักลงทุน ทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
สำหรับทิศทางในปี 2568 บริษัทปรับกลยุทย์การดำเนินธุรกิจ โดยใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดและความท้าทายในปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงในระยะยาว โดยใช้ความถนัดและเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ดำเนินโครงการที่ดึงดูดกลุ่มทุน เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจพลังงานทางเลือกจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น จากนโยบายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้พิจารณาเห็นชอบกรอบแผนพลังงานชาติโดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และเพื่อเป็นการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ แผนงานในปี 2567 ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ยังมีเรื่องการนำเสนอแนวทางการเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า ซึ่งจะมีโครงสร้างกิจการไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในระยะทดลองและนำร่อง ปี 2567-2568 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดกลไกการแข่งขันที่สะท้อนต้นทุนทางด้านราคาแทนการอุดหนุนทางด้านราคาจากภาครัฐ และเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ทางด้านพลังงานเกิดขึ้น และภาครัฐสามารถใช้เป็นกลไกให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย นับเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจ ขณะเดียวกันการเติบโตของเศรษฐกิจยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต เมื่อผสานกับการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรและปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ท้ายที่สุด ในนามของคณะกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ ลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับเกียรติและการสนับสนุนที่ดีจากท่านเช่นนี้ตลอดไป และผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณผู้บริหารและพนักงานทุกท่านอุทิศตน ทุ่มเทในการทำงานเพื่อบริษัทปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง และมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญของบริษัททำให้ บริษัทมีความมั่นคงและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนต่อไป
“ความภูมิใจของ PRIME ในปี 2567 คือ
เป็นครั้งแรกของบริษัทที่ได้ยกระดับรายงานธรรมภิบาล (CRG)
ขึ้นสู่ระดับ 5 ดาว และได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating
ระดับ BBB สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน“
“ความภูมิใจของ PRIME ในปี 2567 คือ เป็นครั้งแรกของบริษัท ที่ได้ยกระดับรายงานธรรมภิบาล (CRG) ขึ้นสู่ระดับ 5 ดาว และได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ระดับ BBB สะท้อนความมุ่งมั่น ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน“
ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.5 ตามข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะยังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความผันผวน สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 300 เมกะวัตต์ และมีรายได้รวม 1,345 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 79 จากปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในด้านการบริหารสภาพคล่อง บริษัทให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดตราสารหนี้ที่มีความท้าทาย โดยข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยระบุว่า ปี 2567 ภาพรวมตลาดเติบโตร้อยละ 3.6 โดยหลักมาจากตราสารหนี้ภาครัฐ ขณะที่การออกหุ้นกู้ภาคเอกชนลดลงร้อยละ 10 สะท้อนถึงความระมัดระวังของนักลงทุนและความไม่แน่นอนในตลาดทุน จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการปรับทิศทางการบริหารสภาพคล่องของบริษัทและขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้หุ้นกู้ให้เหมาะสมกับสภาพคล่องของบริษัทและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจต่อไป โดยบริษัทมีแผนจัดสรรกระแสเงินสด ประกอบไปด้วย การพิจารณาจำหน่ายสินทรัพย์โครงการบางส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การหาผู้ร่วมทุน และกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินธุรกิจ
ตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทมีความภาคภูมิใจในความสำเร็จสำคัญ อาทิ การยกระดับการประเมินรายงานธรรมาภิบาล (CGR) จากระดับ 4 ดาว เป็น 5 ดาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลที่ดี นอกจากนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ในระดับ BBB ซึ่งตอกย้ำความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อันเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์องค์กร อีกทั้ง ยังช่วยสร้างความน่าสนใจให้บริษัทในสายตาของนักลงทุน ทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
สำหรับทิศทางในปี 2568 บริษัทปรับกลยุทย์การดำเนินธุรกิจ โดยใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดและความท้าทายในปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงในระยะยาว โดยใช้ความถนัดและเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ดำเนินโครงการที่ดึงดูดกลุ่มทุน เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจพลังงานทางเลือกจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น จากนโยบายทั้งในระดับประเทศและระดับโลก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้พิจารณาเห็นชอบกรอบแผนพลังงานชาติโดยมีเป้าหมายสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และเพื่อเป็นการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ แผนงานในปี 2567 ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ยังมีเรื่องการนำเสนอแนวทางการเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า ซึ่งจะมีโครงสร้างกิจการไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในระยะทดลองและนำร่อง ปี 2567-2568 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดกลไกการแข่งขันที่สะท้อนต้นทุนทางด้านราคาแทนการอุดหนุนทางด้านราคาจากภาครัฐ และเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ทางด้านพลังงานเกิดขึ้น และภาครัฐสามารถใช้เป็นกลไกให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย นับเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการต่อยอดศักยภาพทางธุรกิจ ขณะเดียวกันการเติบโตของเศรษฐกิจยังเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต เมื่อผสานกับการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรและปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ท้ายที่สุด ในนามของคณะกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ ลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับเกียรติและการสนับสนุนที่ดีจากท่านเช่นนี้ตลอดไป และผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณผู้บริหารและพนักงานทุกท่านอุทิศตน ทุ่มเทในการทำงานเพื่อบริษัทปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง และมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญของบริษัททำให้ บริษัทมีความมั่นคงและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนต่อไป

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์
ประธานกรรมการ